ครีมกันแดด Chemical, Physical, Hybrid คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้แบบไหนดี
2024-05-12 03:04:07
แชร์

ครีมกันแดด Chemical, Physical, Hybrid คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้แบบไหนดี 

ครีมกันแดดถือว่าเป็นไอเทมสำคัญมากสำหรับอากาศในปัจจุบัน เราควรทาครีมกันแดดในทุกวัน เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดจากแสงแดด เช่น ผิวคล้ำ ฝ้ากระ ซึ่งครีมกันแดดจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ Chemical, Physical และ Hybrid ที่กำลังมาแรงสุดๆ ซึ่งแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร สาวๆควรเลือกใช้แบบไหน วันนี้ทาง Yvescosmetic จะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ😘

 

ครีมกันแดด Chemical, Physical, Hybrid คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?

กันแดดแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร
 

1. ครีมกันแดด Chemical

เป็นครีมกันแดดประเภทที่ช่วยดูดซับรังสี UV แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อน ทำให้รังสี UV ไม่ผ่านลงสู่ผิว โดยสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่การปกป้องจากรังสี UVA-I, UVA-II ให้ครบนั้น จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใส่มาในครีมกันแดดแต่ละตัว

ตัวอย่างส่วนผสมที่ใช้ในครีมกันแดดแบบ chemical เช่น

     - Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone)

     - Disodium Phenyl Dibenzimidazole Tetrasulfonate

     - Methyl Anthranilate

     - Terephthalylidene Dicamphor Sulfonic Acid

     - Benzophenone-3 (Oxybenzone)

     - Benzophenone-4 (Sulisobenzone)

     - Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (Tinosorb S)

     - Methylene Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol (Tinosorb M/Bisoctrizole) 

     - 4-Methylbenzylidene Camphor (Enzacamene)

     - Octocrylen

     - Homomenthyl Salicylate (Homosalate / HMS)

ข้อดีของ chemical sunscreen

      - ทาแล้วหน้าไม่ขาววอก ส่วนใหญ่เนื้อจะบางเบา เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน

      - ราคาย่อมเยา หาซื้อได้ง่าย ครีมกันแดดในท้องตลาดส่วนใหญ่จึงเป็นประเภท chemical ค่ะ

      - ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่การปกป้องจากรังสี UVA-I, UVA-II ให้ครบนั้น จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใส่มาในครีมกันแดดแต่ละตัว

ข้อเสียของ chemical sunscreen 

      - ไม่สามารถกันแดดได้ทันที ต้องรออย่างน้อย 20 - 30 นาที เพื่อให้กันแดดเซตตัวก่อนออกแดด

      - เมื่อเราออกไปเจอแดดจ้า ต้องทาซ้ำบ่อยๆทุก 2-3 ชั่วโมง

      - เนื่องจากมีส่วนผสมของ UV Filter ที่เป็นเคมีทำให้มีโอกาสระคายเคืองและอุดตันได้มากกว่าแบบ physical

      - ส่วนผสมในกันแดดแบบ chemical เช่น Oxybenzone ถูกพบว่าเป็นสารที่ทำลายแนวปะการังหรือสัตว์ในน้ำ ดังนั้นจึงมีบางสถานที่ท่องเที่ยงทางทะเลที่สั่งห้ามใช้ Oxybenzone

▶️ครีมกันแดดแบบ Chemical อันตรายจริงไหม?

ครีมกันแดดแบบ chemical ไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นอันตรายกับผิว หากใช้ปริมาณสารตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างถูกต้อง

 

2. ครีมกันแดดแบบ Physical

หรือเรียกอีกชื่อว่า Mineral sunscreen มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV โดยการสะท้อนรังสี UVA และ UVB ให้กระจายออกจากผิวหน้า โดยจะมีส่วนผสมหลักๆเพียง 2 อย่าง คือ Zinc oxide และ Titanium dioxide ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจาก FDA ของอเมริกา และช่วงหลังๆมานี้แพทย์ผิวหนังหลายๆท่านจากฝั่งอเมริกาแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดประเภท physical กันมากขึ้น

ข้อดีของ physical sunscreen

      - ทาแล้วออกแดดได้ทันที ไม่ต้องรอทาก่อนออกแดด 20 นาที

      - เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เด็กสามารถใช้ได้ เพราะมีโอกาสระคายเคืองได้น้อยกว่าแบบ chemical

      - ให้การป้องกันแสงแดดที่ยาวนานกว่า

      - ปกป้องผิวจากรังสีทั้ง UVA-I,UVA-II และ UVB ได้

ข้อเสียของ physical sunscreen

      - เนื้อค่อนข้างหนัก ทำให้เกลี่ยยากกว่า

      - ทาแล้วอาจทิ้งคราบขาว อาจทำให้หน้าขาววอกได้

      - ไม่ติดทน หลุดออกง่าย เมื่อเจอน้ำหรือเหงื่อ

 

3. ครีมกันแดดแบบ Hybrid

เป็นครีมกันแดดแบบผสมระหว่าง Chemical และ Physical โดยจะนำคุณสมบัติของทั้ง 2 แบบมารวมกัน เลยจะสามารถดูดซับ ป้องกันและสะท้อนรังสีทั้ง UVA และ UVB ได้จบภายในตัวเดียว จึงทำให้ครีมกันแดดประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ

ข้อดีของ hybrid sunscreen

      - มีโอกาสเกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้น้อย

      - เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วไม่ขาววอก

      - ทาแล้วออกแดดได้ทันที

      - เนื้อครีมทาง่าย เกลี่ยง่าย ทาแล้วไม่ทิ้งคราบขาว

 

Chemical, Physical, Hybrid กันแดดแบบไหนที่เหมาะสำหรับเรา?

      ครีมกันแดดทั้ง 3 ประเภทนี้ ล้วนมีประสิทธิภาพปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วยวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน เราจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าตัวไหนเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน ขอแค่เพียงเราทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน และควรเลือกกันแดดให้เหมาะกับการใช้งานของตนเอง 

💟 หากสาวๆต้องการกันแดดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เน้นความเบาสบาย และถ้าเป็นคนไม่ได้มีปัญหาผิวหนักๆ  แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดแบบ chemical หรือ hybrid เลยค่ะ เนื่องจากเนื้อจะบางเบากว่า ซึมผิวเร็ว และไม่ค่อยเหนอะหนะ

💟 หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเล่นกีฬา หรือเป็นวันที่เหงื่อออกเยอะ ควรเลือกใช้ครีมกันแดด chemical เพราะจะมีความทนน้ำ ทนเหงื่อได้มากกว่า

💟 แต่หากใครเป็นคนผิวแพ้ง่ายมากๆ(sensitive skin) หรือมีปัญหาเรื่องสิว กังวลเรื่องการอุดตัน แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดแบบ physical จะดีกว่าค่ะ เพราะมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่า

 

ควรพิจารณาที่ค่า SPF และ ค่า PA ประกอบการเลือกซื้อครีมกันแดด

1. ค่า SPF จะแสดงให้เห็นว่าครีมกันแดดเหล่านั้นมีประสทธิภาพป้องกันรังสี UVB ได้เท่าใด ซึ่งตามมาตรฐานแล้ว ค่า SPF สำหรับครีมกันแดดควรใช้ที่ SPF 30 เป็นอย่างน้อย แต่ด้วยความที่แดดประเทศไทย ทุกคนก็รู้ๆอยู่ว่ามันไม่น่าจะพอ🤣 จึงขอแนะนำครีมกันแดดที่มี SPF50 เป็นต้นไปจะดีกว่าค่ะ

 2. ค่า PA คือ ค่าที่แสดงถึงความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี UVA ซึ่งค่า PA ถ้ามีเครื่องหมาย + ตามหลังเยอะเท่าไหร่ แสดงว่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ก็จะยิ่งมากขึ้น เช่น

            - PA+ : ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในระดับน้อย

            - PA++ : ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในระดับปานกลาง

            - PA+++ : ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในระดับสูง

            - PA++++ : ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ในระดับสูงมาก

 

💟แนะนำกันครีมกันแดด chemical เนื้อบางเบา ปกป้องผิวได้ในทุกวัน💟

Isntree Hyaluronic Acid Watery Sun Gel + Sun Stick

1. Isntree Hyaluronic Acid Watery Sun Gel SPF50+ PA ++++

ครีมกันแดดแบบ chemical ตัวแรกที่จะมาแนะนำคือตัวนี้เลยค่ะ โด่งดังมาในโซเชียลมานานมาก รีวิวเยอะจากทั้งฝั่งไทยและต่างประเทศ เป็นเนื้อเจล ทำงานโดยเปลี่ยนรังสียูวีเป็นความร้อนและคายออกไป บางเบา ซึมซาบแล้วผิวสดชื่น ไม่มีความเมือกมันหรือทิ้งคราบขาว แถมผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการกันแดดแล้วว่าตรงปก ไม่มีดราม่าว่าปกป้องผิวไม่ถึงมาตรฐานแน่นอน ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะกับวันออกแดดกลางๆ อยู่ในร่มเป็นส่วนใหญ่ มีออกกลางแจ้งบ้างแต่ไม่นานมากค่ะ

2. Isntree Hyaluronic Acid Airy Sun Stick SPF50+ PA++++

เนื่องด้วยครีมกันแดดแบบ chemical ต้องหมั่นเติมบ่อยๆทุก 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นสาวๆทุกคนควรจะมีกันแดดแบบสติ๊กติดกระเป๋าไว้ค่ะ โดยตัวนี้สามารถทาทับเมคอัพได้ เอาไว้ทาระหว่างวันโดยเฉพาะ ให้มือไม่ต้องสัมผัสหน้า เนื้อแห้งสบายผิว ไม่เยิ้ม สาวผิวมัน ผิวแห้งสามารถใช้ได้ กันน้ำ ทนเหงื่อ กันความมันไปสุดมาก ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ แถมมีไฮยาลูรอนเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย

 

Beauty of Joseon Relief Sun Rice Probiotics + stick

3. Beauty of Joseon Relief Sun Rice Probiotics SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดที่ฮิตสุดพลังมาก sold out 1 ล้านหลอดทั่วโลก!! ใช้ก่อนแต่งหน้าแล้วผิวสวยมาก ผิวนิ่ม ผิวใส อิ่มน้ำ ไม่เป็นคราบขาว เกลี่ยง่าย ออกแดดจ้าก็เอาอยู่ แม้จะเป็นแบบ chemical แต่ตัวนี้จะมีความอ่อนโยน คนมีสิวใช้ได้ ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ มีส่วนผสมจากข้าว, โพรไบโอติค และ Niacinamide เสริมภูมิคุ้มกันผิว พร้อมบำรุงผิวไปในตัว ทาแล้วผิวชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะ

4. Beauty of Joseon Matte Sun Stick : Mugwort+Camelia

กันแดดข้าวแบบบสติ๊กตัวใหม่ของปี 2023 เป็นกันแดดพร้อมไพร์มเมอร์ ช่วยเบลอรูขุมขนในตัว ไม่มีสี คุมมันได้ ไม่อุดตัน ให้เนื้อแมท  แถมทนน้ำ ทนเหงื่อ ลดการเกิดสิวระหว่างวัน

 

Hamel Vegan Relief Water Essence Sun Cream SPF50+ PA++++

5. Hamel Vegan Relief Water Essence Sun Cream SPF50+ PA++++

กันแดดเนื้อบางเบา ใครชอบความสบายผิวไม่หนักหน้า แนะนำตัวนี้เลยค่า แถมไม่ทิ้งคราบขาว ไม่อุดตัน เป็นกันแดดด vegan100% ใครผิว sensitive มากๆสามารถใช้ได้ มีสารช่วยล็อกความชุ่มชื้นหลายตัว เช่น Niacinamide แถมช่วยถนอมคอลลาเจน คลายความร้อนผิวขณะตากแดด ผิวจะไม่สูญเสียน้ำ

 

TOCOBO Bio Watery Sun Cream SPF50+ PA++++

6. TOCOBO Bio Watery Sun Cream SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดวีเกนสูตรอ่อนโยน เนื้อบางเบาเหมือนน้ำ สบายผิว ให้ความชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิวโดยไม่ทิ้งคราบขาว ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เด่งเรื่องให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกและกักเก็บความชื้น

 

ROUND LAB Birch Juice Moisturizing Sunscreen SPF50+ PA++++

7. ROUND LAB Birch Juice Moisturizing Sunscreen SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดสุดฮิตในเกาหลี เด่นเรื่องมีส่วนผสมของวิตามิน C และ Hyaluronic acid ให้บำรุงไปในตัว ช่วยผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้นสูงเหมือนทามอยเจอร์ไรเซอร์ ปราศจากน้ำหอม และน้ำมัน100% เลยดีต่อคนผิวบาง แพ้ง่าย ใช้ได้ในทุกสภาพผิว แม้คนเป็นสิวเห่อหนักๆ
 


💟แนะนำกันครีมกันแดด Physical ปกป้องผิวอย่างอ่อนโยน💟

make prem UV Defense Me Calming Sun Cream SPF 50+ PA++++

1. make prem UV Defense Me Calming Sun Cream SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดสูตรเฉพาะสำหรับคนผิวแห้งและแพ้ง่าย คนเป็นสิวสามารถใช้ได้ ไม่อุดตัน ไม่ก่อให้เกิดสิวเพิ่ม ไม่มีสี อ่อนโยนต่อผิวมากกก ตัวนี้จะมีมอยเจอร์ไรเซอร์ผสม เนื้อลื่น เบาสบายผิวกว่าสูตรปกติ แถมเป็นโทนอัพไปในตัว ช่วยปรับผิวให้ดูขาวขึ้น ผิวดูผ่องนิดๆ

 

MEDI-PEEL Red Lacto Collagen Sun cream

2. MEDI-PEEL Red Lacto Collagen Sun cream

ครีมกันแดดเนื้อสัมผัสบางเบา อุดมด้วยแลคโตบาซิลลัสและคอลลาเจนจากฝรั่งเศส ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วย SPF50+ PA++++ และช่วยดูแลรูขุมขนได้เป็นอย่างดี พร้อมควบคุมความมันบนใบหน้า ปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น

 

manyo Foundation-Free Sun Cream SPF50+ PA++++

3. manyo Foundation-Free Sun Cream SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดช่วยเบลอรูขุมขน ให้ผิวเนียนสวย สีเบจเนื้อเข้าได้กับทุกผิว ไม่มันเยิ้มระหว่างวัน ไม่อุดตัน ให้ความชุ่มชื้นแบบกำลังพอดี เนื้อซึมง่าย มีประสิทธิภาพกันแดดเยี่ยมตามมาตรฐานเกาหลี

 

💟แนะนำกันครีมกันแดด Hybrid ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม💟

PURITO Daily Go-To Sunscreen SPF 50+ PA++++1. PURITO Daily Go-To Sunscreen SPF50+ PA++++

กันแดดตัวดังที่กันได้ทั้งแสงยูวีและแสงสีฟ้า เหมาะกับการออกแดดกลางแจ้งหนักๆ แต่ให้สัมผัสที่สบายผิว ทนน้ำ ทนเหงื่อ อ่อนโยนกับผิวแพ้ง่าย ป้องกันผิวคล้ำพร้อมฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงยูวี

 

TOCOBO Cotton Soft Sun Stick SPF50+ PA++++

2. TOCOBO Cotton Soft Sun Stick SPF50+ PA++++

กันแดดวีแกนแบบสติ๊ก เนื้อลื่นๆ สบายผิว ให้ความแมท เกาะหน้าแน่น ทนน้ำ ทนเหงื่อ ทนหน้ามัน เหงื่อไหลแล้วไม่เป็นคราบ เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรามากๆ ผิวจะไม่อึดอัด ระบายความร้อนออกได้ดี

 

อ้างอิง

https://www.beautsy.com/en/blogs/beautsy-blog/mineral-vs-chemical-sunscreen-filters/
https://www.everydayhealth.com/skin-beauty/chemical-vs-mineral-sunscreen-whats-difference/
https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%94
https://www.healthline.com/health/physical-vs-chemical-sunscreen#physical-sunscreen

 

 


 

แชร์
บทความที่เกี่ยวข้อง